เมื่อ : 15 ส.ค. 2568

ราคากากถั่วเหลืองที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภาคปศุสัตว์ไทย หลังจากที่เคยแตะระดับสูงสุดที่ 18 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2566 วันนี้ราคากลับมาอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 14 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงกว่า 21% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ไทยสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ภาคปศุสัตว์ไทยต้องเผชิญกับวิกฤตโรค ASF ในสุกรและไข้หวัดนก ราคาวัตถุดิบและพลังงานพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากสงครามรัสเซียและยูเครน รวมถึงภาวะโลกร้อนที่เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาวะร้อนแรง สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตการเกษตร เหล่านี้ส่งผลกระทบกับต้นทุนการผลิตอย่างหนัก และราคาที่ผู้บริโภคยากจะเข้าถึง

 

 

การลดลงของราคากากถั่วเหลืองไม่ใช่แค่ตัวเลขในตลาดวัตถุดิบ แต่คือ “แรงหนุน” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของห่วงโซ่เนื้อสัตว์ไทยทุกภาคส่วน เริ่มจากเกษตรกรจะมีแรงจูงใจการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิต ผู้ผลิตอาหารสัตว์ สามารถปรับสูตรให้ใช้กากถั่วเหลืองมากขึ้น ซึ่งมีโปรตีนสูงและต้นทุนต่ำกว่าธัญพืชทดแทน ฟาร์มปศุสัตว์ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ไก่ และไก่ไข่ ได้ลดต้นทุนการเลี้ยงอย่างมีนัยสำคัญ จนถึงผู้บริโภค ได้รับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดีขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้ ได้ประโยชน์แบบ win-win ทั้งห่วงโซ่การผลิต

 

เปรียบเทียบราคาเฉลี่ยวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักย้อนหลัง 5 ปี - ปัจจุบัน (2563–2568)
      ปี    กากถั่วเหลือง (บาท/กก.) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (บาท/กก.)     ปลาป่น (บาท/กก.)
    2563                 12.50                     8.50                     35
    2564                 14.00                    9.50                     38
    2565                 16.00                  11.00                     40
    2566                 18.00                  13.00                     42
    2567                 14.00                  13.80                     41
    2568               ~14.00          ~13.80–14.00                  ~41.00–42.00
        ที่มา : รวบรวมจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย 
หมายเหตุ : ปี 2567–2568 ราคากากถั่วเหลืองโลกลดลง จากผลผลิตล้นตลาดและภาษีการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ 
                  ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปลาป่นมีแนวโน้มทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

 

ถึงวันนี้ ต้นทุนเริ่มคลี่คลาย นี่คือโอกาสในการปรับโครงสร้างการผลิต จากผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่เนื้อสัตว์ไทยหันมาใช้กากถั่วเหลืองในประเทศมากขึ้น ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการนำเข้า ทั้งยังเป็นปัจจัยผลักดันในการส่งเสริมการเพาะปลูกถั่วเหลืองในประเทศ เกษตรกรสามารถปรับสูตรอาหารสัตว์ให้ใช้กากถั่วเหลืองมากขึ้น แทนธัญพืชที่ต้นทุนสูง พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอาหารสัตว์ที่ยั่งยืน ลดการใช้วัตถุดิบจากการเผา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ส่วนผู้บริโภคไทยจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ เนื้อสัตว์คุณภาพดีขึ้นจากการใช้วัตถุดิบโปรตีนสูง ราคาผลิตภัณฑ์มีเสถียรภาพมากขึ้น อาหารปลอดภัยจากการตรวจสอบย้อนกลับของวัตถุดิบ ตลอดจนสนับสนุนการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

สำคัญที่สุด คือ เมื่อต้นทุนลดลง คุณภาพเพิ่มขึ้น และการผลิตมีความยั่งยืนมากขึ้น จะเป็นการยกระดับความสามารถแข่งขันของเนื้อสัตว์ไทยในตลาดโลกพร้อมส่งต่อโปรตีนคุณภาพให้คนไทยทุกคนได้ “เต็มคำ” อย่างแท้จริง

 

โดย... แทนขวัญ มั่นธรรมะ นักวิชาการอิสระ