กษ.ลุยยกระดับ ”1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง”เพิ่มเป็น 200 ท้องถิ่นปี’69
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการติดตามโครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง “1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง” ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำขึ้น เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและบริการตามหลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้” โดยกำหนดพื้นที่นำร่องไม่น้อยกว่า 500 ท้องถิ่น ภายในปี 2570 สำหรับการขับเคลื่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กำหนดเป้าหมาย 100 ท้องถิ่น ปี 2568 จำนวน 200 ท้องถิ่น และปี 2569 จำนวน 200 ท้องถิ่น
.
การขับเคลื่อนเป็นการบูรณาการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการส่งเสริมพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มสินค้าเกษตรมูลค่าสูงเพื่อส่งออก 2) กลุ่มสินค้าเกษตรมูลค่าสูง มีการแปรรูป และ 3) กลุ่มสินค้าเกษตรและบริการเชิงสร้างสรรค์ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ชุมชน โดยครอบคลุมด้านพืช แมลงเศรษฐกิจและบริการเชิงสร้างสรรค์ ด้านปศุสัตว์ และด้านประมง
.
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 หน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คัดเลือกกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรวม 251 ท้องถิ่น ทั่วประเทศ เกินเป้าหมายที่กำหนด 200 ท้องถิ่น โดยปีนี้ได้คัดเลือกกลุ่มเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart farmer) และกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) เข้าร่วมด้วย เพื่อแก้ปัญหาในการผลิตสินค้า (Pain Point) และพัฒนาให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยมีผลการดำเนินงานครบตามเป้าหมายในทุกด้าน ได้แก่ ด้านพืช แมลงเศรษฐกิจและบริการเชิงสร้างสรรค์ 170 ท้องถิ่น/สินค้า เช่น ข้าว กล้วย ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง มะพร้าว กาแฟ หม่อนไหม จิ้งหรีด เป็นต้น ด้านปศุสัตว์ 35 ท้องถิ่น/สินค้า ได้แก่ โคเนื้อ โคนม แพะเนื้อ แพะนม กระบือ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด พืชอาหารสัตว์ และ ด้านประมง 46 ท้องถิ่น/สินค้า ครอบคลุม 13 กลุ่มสินค้า เช่น ปลาสวยงาม ปลาน้ำจืดมีชีวิต กุ้งทะเลมีชีวิต กุ้งก้ามกราม ปลากะพงขาว ปูทะเล กบนา หอยนางรม จระเข้ ปลานิล และสินค้าแปรรูปจากสัตว์น้ำ
.
จากการที่ สศก. ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานพบว่า กลุ่มที่ได้รับคัดเลือกได้วิเคราะห์ปัญหาและจัดทำแนวทางแก้ไข โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งการถ่ายทอดความรู้ เช่น เทคโนโลยีการผลิต (เทคนิคย้อมเส้นไหมสีธรรมชาติ การเลี้ยงไก่ดำ การปลูกแคนตาลูป) การจัดทำบัญชี การเป็นผู้ประกอบการ และการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น ระบบน้ำในแปลงสาธิต ฉลากสินค้า บรรจุภัณฑ์ และสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนให้แก่กลุ่มเกษตรกร
.
การสนับสนุนดังกล่าว นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ คุกกี้จิ้งหรีด ข้าวเกรียบปลาแรด น้ำพริกมันปู ปลาส้มฟัก ไข่เค็มกะทิ และเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตตกเกรดหรือราคาต่ำ เช่น ปลาแรด ปลาหมอ จิ้งหรีด รวมถึงวัตถุดิบที่เคยคัดทิ้ง เช่น มันปู โดยการนำมาแปรรูป ยิ่งไปกว่านั้น การสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามดึงดูดใจ สื่อประชาสัมพันธ์ที่สร้างการรับรู้ และการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรสามารถเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และจำหน่ายผลผลิตได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ต่อไป
.
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรบางกลุ่มขาดเงินทุนในการพัฒนาสถานที่หรือปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและการขยายโอกาสในการจำหน่าย ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านมาตรฐานของสินค้า และเน้นสนับสนุนด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าหมายคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการอีก 200 ท้องถิ่น โดย สศก. ได้กำหนดแผนติดตามการดำเนินงานปี 2569 พร้อมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในปี 2567-2568 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำผลการประเมินไปใช้สนับสนุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
