ปลาดุกแดดเดียว ”บ้านไสใหญ่”วังวิเศษ ขายดิบขายดี อร่อยโดนใจลูกค้า
เกษตรกรต้นแบบ ”อาคม ครชาตรี” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 บ้านไสใหญ่ ตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ได้ปรับพื้นที่ข้างบ้านที่เป็นสวนยางพารา ประมาณ 13 ไร่ มาเป็นโคกหนองนา พร้อมเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาด้วย มีทั้งการปลูกพืชผักสวนครัว มะพร้าวน้ำหอม และกล้วยหอม จำนวนมาก ส่วนในน้ำ มีทั้งส่วนที่เป็นสระน้ำ และขุดเป็นลักษณะคลองไส้ไก่ทอดยาวไปรอบบริเวณพื้นที่ มีการแบ่งพื้นที่ในการเลี้ยงปลา ทั้งปลาดุก ปลาหมอ และปลาเนื้ออ่อน มีการเลี้ยงเป็ด และมีการผลิตน้ำส้มควันไม้สำหรับไว้ไล่แมลงศัตรูพืช เป็นต้น
.
โดยล่าสุดผลผลิตจากสวนก็สามารถหมุนเวียนเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะปลาดุก ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านสามารถจับขายได้แล้ว ทั้งปลาดุกสด และแปรรูปเป็นปลาดุกแดดเดียว เนื่องจากสามารถเพิ่มมูลค่าได้หลายเท่าตัว และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้านในชุมชน จนทำไม่ทัน เพราะได้ปลาดุกสดจากธรรมชาติ ขนาด 4-5 ตัว/กก. ที่ไม่มีกลิ่นคาว และได้ปลาดุกแดดเดียวที่สดใหม่ สีเหลืองทอง และรสชาติอร่อย เป็นที่ต้องการอย่างมาก จนต้องสั่งจองล่วงหน้า เพราะผลิตไม่ทัน โดยเฉพาะในหน้าฝน ที่มีแดดน้อย
.
นายอาคม ครชาตรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านไสใหญ่ กล่าวว่า ได้แบ่งพื้นที่รอบบ้านมาปลูกไม้ใช้สอย ไม้ผล พืชผัก รวมทั้งเลี้ยงปลา โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาดุก ที่สร้างรายได้ให้ดีที่สุด และมีทิศทางสดใส ซึ่งรุ่นแรกนำพันธุ์มาจากกรมประมง 2000 ตัว เลี้ยงไปได้ 3 เดือน ก็จับขึ้นมาขายเป็นปลาสด ในราคา กก.ละ 70 บาท ได้ผลผลิตรวม 275 กก. เมื่อหักต้นทุนแล้วจะเหลือกำไรประมาณ 1 หมื่นบาทเศษๆ ส่วนปลาหมอ รุ่นแรกเลี้ยงไป 500 ตัว ได้ผลผลิตรวม 79 กก. ขายเป็นปลาสดในราคา กก.ละ 110 บาท หรือได้ขนาด 4 ตัว กก. ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มาก
.
สำหรับปลาดุก รุ่นที่ 2 เลี้ยงไป 5200 ตัว ถ้าขายเป็นปลาสด 10 กก. พ่อค้าแม่ค้าจะมารับซื้อในราคาส่ง กก.ละ 60 บาท ได้ประมาณ 600 บาท แต่หากแปรรูปจะได้เนื้อปลาแดดเดียว 5 กก. ขายได้ กก.ละ 250 บาท หรือเป็นเงิน 1250 บาท ซึ่งมีราคาดีกว่าขายเป็นปลาสดกว่าเท่าตัว แต่ทำไม่ทัน เนื่องจากมียอดสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในชุมชนนั่นเอง แต่ก็พร้อมส่งไปทั่วประเทศ ซึ่งจุดเด่นคือ ทำแบบวันต่อวัน และไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทำให้ได้ปลาแดดเดียวสดใหม่ รสชาติอร่อย ก่อนจะขายก็นำมาซีลสุญญากาศ จึงเก็บไว้ได้นาน
.
นอกจากนั้น ยังมีการเลี้ยงปลาชนิดอื่นด้วย อาทิ ปลาตะเพียน ปลาหมอ และปลาชะโอน คาดว่าจะจับขายได้ปลายปีนี้ ซึ่งนอกจากขายเป็นปลาสดแล้ว ยังเตรียมแปรรูปปลาตะเพียน ขายเป็นปลาส้มด้วย เพราะมีตลาดดีเช่นกัน ถือเป็นการปรับที่นา ที่ปลูกข้าวไม่ดี มาสร้างผลผลิตที่ดี ล่าสุดจึงได้ขยายผลให้ชาวบ้านนำปลาเหล่านี้ไปเลี้ยงด้วย แล้วทางกลุ่มจะรับซื้อผลผลิตกลับมาในราคา กก. 60 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ได้สบาย เนื่องจากมีต้นทุนการเลี้ยงไม่เกิน กก.ละ 40 บาทเท่านั้น เมื่อหักค่าอาหารแล้ว ผู้สนใจสินค้าเหล่านี้สั่งได้ที่โทร.(094) 709-7893
.
โดย....คนิตา สีตอง/ตรัง
