เมื่อ : 14 พ.ย. 2568

ชาวนาในจังหวัดกาฬสินธุ์อ่วม มองรวงข้าวที่กำลังได้อายุเก็บเกี่ยวด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากแหล่งรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกในฤดูกาลผลิตปีนี้ ให้ราคาเพียง กก.ละ 6 บาท แถมค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวขยับขึ้นราคาจากไร่ละ 600 บาทเป็นไร่ละ 800 บาท  ทำให้ต้นทุนผลผลิตสูงขึ้น แต่ราคาขายผลผลิตยังตกต่ำ ประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก  ชาวนาหลายรายจึงผึ่งแดดให้แห้งแทนการขายสด เพื่อชะลอการขายและหวังขายได้ราคาสูงขึ้น
.
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568  จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี ของชาวนาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ พบว่าเริ่มลงมือเก็บเกี่ยวกันแล้ว โดยส่วนใหญ่นิยมจ้างรถเกี่ยว  เนื่องจากรวดเร็วกว่าใช้แรงงานคน จากนั้นนำไปขายตามลานรับซื้อโดยทั่วไป เพราะต้องการนำเงินมาใช้หนี้ค่าปุ๋ยเคมีและค่าเก็บเกี่ยว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ในภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูง
.
ทั้งนี้ ชาวนาที่นำข้าวเปลือกไปขาย ต่างสะท้อนความรู้สึกเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคารับซื้อข้าวเปลือกยังตกต่ำที่ กก.ละ 6 บาท อีกทั้งค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวยังปรับสูงขึ้นจากเดิมไร่ละ 600 บาท เป็นไร่ละ 800 บาทอีกด้วย จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ชาวนาที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว มองรวงข้าวด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่ในส่วนชาวนาที่เก็บเกี่ยวแล้วส่วนหนึ่ง นำเมล็ดข้าวเปลือกไปผึ่งแดด เพื่อชะลอการขาย โดยคาดหวังว่าราคาจะขยับสูงขึ้น และตามปกติราคาขายข้าวเปลือกแห้ง จะสูงกว่าข้าวเปลือกที่เกี่ยวสด เพราะจะไม่ถูกหักค่าความชื้น
.
นายคำพัน ภูยิ่ง อายุ 69 ปี ชาวนาบ้านหนองขาม ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนมีที่นา 6 ไร่ ปลูกทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า โดยเป็นการทำนาหว่าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวกกว่าทำนาดำ ปีนี้ลงทุนไปแล้วทั้งค่าพันธุ์ข้าว ค่าปุ๋ยเคมี ค่ารถไถ รวมกว่า 30000 บาท สัปดาห์นี้ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเพราะรวงข้าวยังไม่แก่จัด รวมทั้งในช่วงเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยว ราคารับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกตามลานรับซื้อทั่วไป จะกดราคารับซื้อ อย่างปีนี้เริ่มต้นที่ กก.ละ 6 บาท ขณะที่รถรับจ้างเกี่ยวข้าวก็จะถือโอกาสโก่งราคา ใครอยากเกี่ยวเร็วก็ให้ราคาสูง ปีที่แล้วไร่ละ 600 บาท ปีนี้เพิ่มเป็นไร่ละ 700-800 บาท ตามระยะทางใกล้ไกลหรือที่ตกลงกันได้
.
นายคำพันกล่าวอีกว่า ช่วงที่รอเก็บเกี่ยว ตนก็ได้แต่สำรวจรวงข้าวด้วยความท้อแท้ เพราะเห็นเพื่อนชาวนาหลายรายขายข้าวขาดทุน แต่ตนก็มีความหวังว่าถึงช่วงที่เก็บเกี่ยวข้าว ราคารับซื้อจะปรับสูงขึ้น อย่างล่าสุดวันนี้ เห็นว่าบางรายขายข้าวได้ราคาสูงขึ้น ขยับจาก กก.ละ 6 บาท เป็น กก.ละ 7.10 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดข้าวและคุณภาพข้าว
.
อย่างไรก็ตาม หากราคาขายข้าวเปลือกยังอยู่แค่นี้ หรือรับซื้อไม่ถึง กก.ละ 10 บาท หรือตันละ 10000 บาท ซึ่งราคาต่ำกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาชีพทำนาก็พออยู่ไม่ได้ ไหนปุ๋ยเคมีจะแพงกระสอบละกว่า 1000 บาท ค่าจ้างรถเกี่ยวระละ 800 บาท หากผลผลิตต่ำได้ไม่ถึงไร่ละ 300 กก.ก็ขาดทุนย่อยยับ อย่างน้อยที่สุดขอให้ขายข้าวเปลือกได้ราคา กก.ละ 10 บาท อาชีพทำนาก็พออยู่ได้ ไม่ขาดทุนซ้ำซากเหมือนทุกวันนี้ ก็ได้แต่คาดหวังกันไป จะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ไม่เคยเอ่ยถึงแนวทางเพิ่มราคารับซื้อข้าวเปลือกให้ชาวนาเลย