เมื่อ : 22 พ.ย. 2567

เรื่องน่าเศร้าใจของชาวเมืองชาละวันที่มีศาลหลักเมืองและพ่อปู่ผู้สร้างเมืองประดิษฐานอยู่ในอุทยานเมืองเก่าภายใน สวนรุกขชาติกาญจนกุมาร กรมอุทยานฯ ไม่รู้ว่าบริหารการจัดการกันอย่างไร ? ไม่จ่ายค่าไฟฟ้านานเกิน 2 เดือน เงินแค่เพียง 4116 บาท   สุดท้ายถูกการไฟฟ้าถอดมิเตอร์ ส่งผลกระทบการท่องเที่ยวและจิตใจของชาวบ้านที่เข้าไปสักการะบูชาศาลหลักเมือง สายมูหวั่นเกิดอาเพศ
  
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายโชค เพิ่มโภค  อายุ 52 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 199/2 หมู่ 4 ต.โรงช้าง อ.เมืองพิจิตร  ซึ่งเป็นชาวบ้านที่มีความผูกพันกับศาลหลักเมืองและองค์พ่อปู่ “พระยาโคตรบองเทวราช”เจ้าผู้สร้างเมืองพิจิตรในโบราณกาล เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าจังหวัดพิจิตรได้มาถอดมิเตอร์ไฟ ซึ่งเป็นของศาลหลักเมืองพิจิตรที่ค้างชำระค่าไฟนานกว่า 2 เดือน เป็นเงิน 4116.90 บาท ทำให้ภายในสถานที่ของศาลหลักเมืองและที่ประดิษฐานองค์พ่อปู่ไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงบริเวณอาคารอื่นๆที่ต้องใช้กระแสไฟผ่านมิเตอร์ดังกล่าวต้องพลอยมืดสนิทไปด้วย
     
ในส่วนของ นายบุญชู อายุ 77 ปี  ที่มากราบไหว้ศาลหลักเมืองและองค์พ่อปู่เล่าให้ฟังว่าตนเองตอนสมัยหนุ่มๆ ย้อนหลังไป 60 คือ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2508 ในตอนนั้น หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้สร้างตำนาน พระสุพรรณกัลยา เป็นผู้เสี่ยงทายและสร้างศาลหลักเมืองและพ่อปู่ภายในอุทยานเมืองเก่าแห่งนี้ ซึ่งคุณลุงบุญชูยังได้เคยมาช่วยงานก่อสร้างศาลหลักเมืองดังกล่าว วันนี้พอรู้ว่าศาลหลักเมืองถูกการไฟฟ้ามาถอดมิเตอร์ไฟ รู้สึกเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเล่าเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านั้นชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นก็ช่วยกันบริหารจัดการผ่านพ้นมาได้ด้วยดีเสมอมา แต่ระยะหลังเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีส่วนราชการเข้ามาจัดระเบียบจึงทำให้บรรดาชาวบ้านที่เป็นจิตอาสาดูแลปกป้องอาคารสถานที่ของศาลหลักเมืองแห่งนี้ต้องถูกกฏระเบียบบังคับจึงทำให้ไม่มีใครมาร่วมในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากการสอบถามชาวบ้านหลายๆคน เล่าว่าเดิมที่เดียวภายในศาลหลักเมืองมีตู้รับบริจาคเป็นค่าน้ำค่าไฟ ด้านนอกก็มีชาวบ้านมานั่งขายดอกไม้ พวงมาลัย ผลิตภัณฑ์OTOP พืชผักสวนครัวจากหัวไร่ปลายนาและมีคนมาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันก็มีคนมาเที่ยวไม่มากนัก นานทีปีครั้งก็จะมีทัวร์มาลงแต่ทุกคนก็อยู่กันด้วยความรักความผูกพันธ์กับอุทยานเมืองเก่าภายในสวนรุกขชาติกาญจนกุมาร ซึ่งดูแลโดยสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดพิจิตร อบต.โรงช้าง รวมถึงภาคประชาชน แต่รอยร้าวมาเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เมื่อต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิทางกฎหมายจะเข้ามาบริหารจัดการเงินในตู้บริจาคที่มีไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟที่ศาลหลักเมืองแห่งนี้จนเป็นเหตุความวุ่นวายและไม่ลงตัวจนในที่สุดวันนี้จึงถูกการไฟฟ้ามาถอดมิเตอร์ไฟ เพราะไม่ได้จ่ายค่าไฟฟ้า

 

สำหรับภายในอุทยานเมืองเก่า หรือ สวนรุกขชาติกาญจนกุมาร แห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ นอกจากเป็นที่ประดิษฐาน ศาลหลักเมืองและองค์พ่อปู่ “พระยาโคตรบองเทวราช”เจ้าผู้สร้างเมืองพิจิตรในโบราณกาล แล้ว ก็ยังเป็นที่ตั้งของวัดมหาธาตุ ที่เป็นโบราณวัตถุกรมศิลปกร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2478 เป็นโบราณสถานที่น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย และ อยุธยา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นของชาละวัน-ไกรทอง และภายในถ้ำที่มีรูปปั้น ตะเภาแก้ว-ตะเภาทอง ที่เป็นตำนานของเมืองพิจิตร จากวรรณคดีเรื่อง ไกรทอง อีกด้วย

ในส่วนของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงคงต้องรอในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวจะได้ติดตามมารายงานให้ทราบต่อไปว่าสาเหตุที่ศาลหลักเมืองในอุทยานเมืองเก่าถูกการไฟฟ้าถอดมิเตอร์ไฟเพราะไม่ได้จ่ายค่าไฟนานเกิน 2 เดือน แล้วนั้นใครคือผู้รับผิดชอบกันแน่

 

โดย...สิทธิพจน์ เกบุ้ย/พิจิตร/