เมื่อ : 23 พ.ย. 2567

ผู้ว่าฯศรีสะเกษ สั่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อลุย บุกจับร้านดัง “บังท๊อป” ลอบขายน้ำท่อม กัญชา บุหรี่ไฟฟ้า 24 ชั่วโมง กลางเมืองเย้ยกฎหมาย เผยร้านแห่งนี้เคยจับกุมมาแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่เข็ดหวนกลับมากระทำผิดซ้ำซาก

 

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ มอบหมายให้ นายสุริยา บุตรจินดา รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ และนางสาวอมร นามบุตร ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองศรีสะเกษ นายสุรชัย ทุมวงษ์ ป้องกันจังหวัดศรีสะเกษ นำกำลังประกอบด้วย นายศรายุธ สีละออง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายคมกริช มุกดาสนิท ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง สมาชิก อส.สังกัด ร้อย อส.อ.เมือง ศก.3 เจ้าหน้าที่ปกครอง บูรณาการร่วมกับ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ ร้อย อส.จ.ศก.2 เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ศรีสะเกษ สาขาเมืองศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียน ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากร้าน บังท๊อป ตั้งอยู่บริเวณภายในอาคารหอพักแห่งหนึ่ง ในชุมชนพันทาใหญ่ เขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ลักลอบจำหน่ายน้ำกระท่อม กัญชา และบุหรี่ไฟฟ้า อย่างเปิดเผยให้แก่นักศึกษาและบุคคลทั่วไป ตลอด 24 ชั่วโมง  ก่อความเดือดร้อนในชุมชน

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบ นายธนภัทร มีบุญ อายุ 20 ปี ชาว ต.ลมศักดิ์ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายธีรภัทร ดวนใหญ่ อายุ 22 ปี ชาว ต.ดวนใหญ่ อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ และนายเดชาวัต สองเมือง อายุ 22 ปี ชาว ต.นากระแซง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี กำลังช่วยกันผลิตน้ำกระท่อมขายและจำหน่วยกัญชา รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า จริง

 

จากการตรวจสอบภายในร้าน พบของกลางและอุปกรณ์อื้อ ถูกเก็บไว้ภายในร้าน ประกอบด้วย บุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง รวมจำนวน 2380 ชิ้น หัวบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 170 ชิ้น ยาแก้ไอยี่ห้อต่างๆ จำนวน 1719 ชิ้น หม้อต้มน้ำกระท่อม จำนวน 6 หม้อ น้ำต้มกระท่อม จำนวน 26 ขวด ช่อดอกกัญชา จำนวน 10 กิโลกรัม ป้ายร้าน จำนวน 2 ป้าย ตาชั่ง จำนวน 1 ชิ้น ขวดเปล่า จำนวน 4224 ขวด และเงินสดอีก จำนวน 296480 บาท จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

 

จากนั้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหาร(กระท่อม) อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 6(8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี(บุหรี่ซิกาแรตต่างประเทศ) ตามมาตรา 204 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560

 

ทั้งนี้ได้ตั้งข้อหาร่วมกันจำหน่าย สมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 46 ประกอบมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ประกอบ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 และร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ 27/2567 ข้อ 3 ห้ามผู้ประกอบธุรกิจผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า

 

สำหรับร้านดังกล่าวเคยถูกจับกุมมาแล้ว จำนวน 3 ครั้ง ไม่เข็ด และหวนกลับมากระทำผิดซ้ำซากอีก และเปิดร้านใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ในสถานที่เดิม โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย โดยได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

 

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน