เมื่อ : 26 พ.ย. 2567

นางนปภัช สวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เปิดเผยว่า  ตามที่  กนอ. มีภารกิจหลักในการพัฒนายกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และดำเนินงาน ด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ตามแผนปฏิบัติการด้าน CSR ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระยะยาวของ กนอ. ตามกรอบการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน (6 มิติ) ตามกรอบ ISO 26000 มิติสุขภาพ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน (สนช.) ได้เล็งเห็นความสำคัญปัญหาการเข้าถึงระบบสาธารณสุขของชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนจำเป็นต้องได้รับความรู้ด้านสุขภาพเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น  สนช. จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แก่ประชาชนในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เพื่อให้ความรู้สร้างความเข้าใจการมีสุขภาวะที่ดี และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของชุมชนในสถานการณ์ปัจจุบัน และการเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างคล่องตัว

 

ในโครงการดังกล่าว สนช. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตมีนบุรี ศูนย์บริการสาธารณสุข 43 เขตมีนบุรี ร่วมกันจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แก่ประชาชนในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมบางชันขึ้น ซึ่งการดำเนินการโครงการดังกล่าวมีชุมชนรอบนิคมฯ เข้าร่วมโครงการเพื่อการคัดกรองตรวจสุขภาพกว่า 100 คน จากเขตมีนบุรีและศูนย์บริการสาธารณะสุข 43 มีนบุรี โดย พยาบาลอนามัยชุมชนและทีมงาน เข้าร่วมโครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนในชุมชนรอบนิคมฯ เพื่อส่งเสริมความรู้ให้ประชาชนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ ณ สำนักงานนิคมฯ โดยมีกิจกรรมการตรวจสุขภาพคัดกรองโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การให้ความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออกและฝุ่น PM 2.5 การโภชนาการและการทานอาหารเพื่อสุขภาพ และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 

“การดำเนินการโครงการดังกล่าว ชุมชนรอบนิคมฯ มีความรู้ด้านสุขภาพอนามัย  และสามารถดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเข้าถึงระบบสาธารณะสุข การใช้อุปกรณ์การตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนมีศูนย์สุขภาพชุมชนขึ้น เพื่อให้ชุมชนได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพของต้นเองในเบื้องต้น ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงระบบสาธารณะสุข ทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของนิคมฯ บางชัน ในการบริหารจัดการนิคมฯ อย่างมีส่วนร่วมระหว่างนิคมฯ ผู้ประการ และชุมชนที่ยั่งยืน”

นายศักดิ์ชัย  ใสสุข  ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี มอบหมาย นายทนุธรรม หนูเพชร หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล และเจ้าหน้าที่ ร่วมกับ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ศูนย์บริการสาธารณสุข 43 เขตมีนบุรี จัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แก่ประชาชนในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมบางชันขึ้น เพื่อการคัดกรองตรวจสุขภาพให้ชุมชนรอบนิคมฯ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การให้ความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออก ฝุ่น PM 2.5 ความรู้การโภชนาการ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ชุมชน นอกจากโครงการดังกล่าว สำนักงานเขตมีนบุรีได้ให้ความสำคัญด้านสุขลักษณะ ของสถานประกอบการอาหาร การจำหน่ายและสะสมอาหาร ตรวจสอบคุณภาพอาหาร น้ำดื่ม ให้ได้มาตรฐานการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัยฯ พร้อมทั้งได้มีการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำ/อาหารบริโภค ส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ชุมชนห่างไกลโรคภัยอีกด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล เขตมีนบุรี ยังมีอำนาจหน้าที่โดยตรงด้านการกำกับดูแลสุขาภิบาลอาหาร การสุขาภิบาลตลาด  สถานที่จำหน่ายอาหาร และสะสมอาหาร การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม  การสุขาภิบาลทั่วไป ร่วมถึงการสุขาภิบาลสถานที่และการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  ให้ได้มาตรฐานทางสุขาภิบาลและถูกสุขลักษณะ  การควบคุมดูแลการจำหน่ายสินค้าในที่ หรือทางสาธารณะ  การควบคุมมลพิษ  การพัฒนา ควบคุมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม  การเสริมสร้างศักยภาพผู้บริโภคและสร้างหรือขยายเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข การป้องกันควบคุมโรคต่าง ๆ เป็นต้น นำมาซึ่งการส่งเสริมสนับสนุนสุขภาพให้ชุมชนอย่างยั่งยืน      

“นอกจากความร่วมมือ ด้านการส่งเสริมสุขภาพชุมชนที่เขตมีนบุรีร่วมกับนิคมฯบางชันแล้ว เขตมีนบุรียังมีความร่วมมือกับทางนิคมฯบางชัน ในการดำเนินการการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเขตพื้นที่มีนบุรีอีกด้วย เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานด้านยาเสพติด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมร่วมกันเสนอความเห็น และหาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เขตมีนบุรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกระตุ้นเตือนเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดตั้ง ชมรม TO BE NUMBER ONE ภายในโรงเรียน หน่วยงานและสถานประกอบการต่างๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้กว้างขวางมากขึ้น”