ตำรวจตม.ล็อกตัว ”แทน ฐณะวัฒน์” หนุ่มคนดัง ตุ๋นขายแบรนด์เนม เหยื่อสูญเงินกว่า 100 ล้าน
ตำรวจ ตม. ล็อกตัว ”แทน ฐณะวัฒน์” หนุ่มคนดัง คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังตุ๋นขายกระเป๋าแบรนด์เนม เหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 100 ล้าน คาดกำลังเผ่นหนีออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 67 มีรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ ได้จับกุมตัว นายฐณะวัฒน์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.406/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
โดยการจับกุมครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนดำเนินการขอศาลออกหมายจับ ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้อง เห็นควรหมายจับนายฐณะวัฒน์ ในความผิดฐานฉ้อโกง ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนำข้อมูลหมายจับลงเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยทาง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน ก่อนปรากฏข้อมูลว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการหลบหนี เพื่อที่จะเดินทางออกนอกประเทศ โดยใช้ช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทันทีที่ผู้ต้องหาได้ทำการเช็กอินและเข้าเคาน์เตอร์ระบบ ระบบได้ทำการแจ้งเตือน ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงได้ควบคุมตัวก่อนส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อทำการสอบปากคำ เบื้องต้นผู้เสียหายคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเสียหายเป็นจำนวนมากเกรงว่าจะหลบหนี อีกทั้งตอนนี้มีข่าวฉ้อโกงหลายคดี เกรงว่าจะหลบหนี เพราะตำรวจไปจับได้ที่สนามสุวรรณภูมิ และหากในวันนี้ทำเอกสารของผู้ต้องหาเสร็จก็จะนำตัวฝากขังในวันพรุ่งนี้
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยระบุพฤติกรรมผู้ต้องหารายนี้ว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในการขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู คาดว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายราย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความในท้องที่ สน.ลุมพินี เป็นคดีเกี่ยวกับคดีเช็กเด้ง มูลค่าความเสียหาย 70 ล้าน กระทั่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกง
ส่วนพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ คือ ผู้กล่าวหาได้รู้จักคุ้นเคยกับนายฐณะวัฒน์ ผู้ต้องหามาก่อน ระหว่างที่คบหากันเป็นเพื่อนพี่น้องกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 13.00 น. นายฐณะวัฒน์ ผู้ต้องหา ได้มาหลอกผู้กล่าวหาว่าจะนำกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ ของผู้กล่าวหาไปขายให้กับลูกค้าของตน โดยรับประกันว่ากระเป๋าทุกรายการเมื่อขายได้ทั้งหมดจะสามารถนำเงินมาให้ผู้กล่าวหาได้เป็นเงินจำนวนทั้งหมด 13.35 ล้านบาท
และเพื่อให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อยอมมอบกระเป๋าให้กับผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้กล่าวหาว่าจะนำเงินค่ากระเป๋ามาวางไว้ให้ผู้กล่าวหาก่อน 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของกระเป๋าเป็นอย่างมาก และรับประกันว่าไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ ผู้ต้องหาจะนำเงินของตัวเองมาใช้ให้จนครบถ้วนเป็นเงินจำนวน 13.35 ล้านบาท
ต่อมา ในวันที่ 10 ก.ค. 67 ผู้ต้องหาได้รับกระเป๋าจากผู้กล่าวหาไปแล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่เคยนำเงินค่ามัดจำรับประกันค่ากระเป๋าไว้ หรือเงินค่าสินค้ากระเป๋า หรือผลตอบแทนใดๆ มาให้ผู้กล่าวหาตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ผู้กล่าวหาได้พยายามติดตามทวงถามทางวาจาให้นายฐณะวัฒน์ชำระเงินหรือคืนกระเป๋าตลอดมา แต่ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืน
จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อนายฐณะวัฒน์ได้ จึงเชื่อว่าผู้ต้องหามีเจตนาทุจริตมาแต่แรก ซึ่งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายฐณะวัฒน์ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าจะถึงที่สุด.