เมื่อ : 07 ธ.ค. 2567

ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการส่งออกข้าวไทย มีปริมาณการส่งออกสูงขึ้นอย่างมาก คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะสูงถึง 9 ล้านตัน แต่ในปี 2568 ต้องเผชิญกับการปลดล็อกของ “อินเดีย” เจ้าตลาดที่จะกลับมารุกส่งออกอีกครั้งหลังห้ามการส่งออก จากผลกระทบ “เอลนิโญ” สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุ หากค่าเงินบาทอ่อน ไทยพอจะสู้กับการแข่งขันในตลาดโลกได้   

 

จากตัวเลขการส่งออกข้าวของไทย เดือน ม.ค.-ก.ย.2567 มีปริมาณ 7448941 ตัน เพิ่มขึ้น 22%มูลค่า172019.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เป็นสัญญาณที่ดีว่าการส่งออกข้าวของไทยปี 2567 น่าจะแตะ 9 ล้านตัน  

 

ในปี 2566 ไทยส่งออกได้ 8.7 ล้านตัน ต่อมาปี 2567  ซึ่งคาดว่าจะส่งออกได้ 9 ล้านตัน จากปัจจัยเอลนีโญ และอินเดียห้ามการส่งออกทำและหลายประเทศผลผลิตลดลง ทำให้ตลาดอินโดนีเซียนำเข้าปริมาณมากถึง 4 ล้านตัน 2 ปีติดต่อกัน ในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าจากไทย 5 ล้านตัน และที่เหลือจากเวียดนาม ปากีสถานและเมียนมา

 

การกลับเข้ามาสู่สมรภูมิการแข่งขันข้าวของโลกของอินเดีย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย วิเคราะห์ว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อประเทศรอบด้าน เมื่ออินเดียส่งออกเต็มรูปแบบ จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างแน่นอน เพราะข้าวอินเดียราคาถูกว่าไทย เฉลี่ย 440 ดอลลาร์ต่อตัน (เอฟโอบี) ส่วนไทย 480 ดอลลาร์ต่อตัน หรือมีช่องว่างถึง 40-50 ดอลลาร์ต่อตัน และในปี 2568 คาดว่าอินเดียจะมีปริมาณผลผลิตสูงถึง 142 ล้านตันข้าวสาร สูงสุดเป็นประวิติการณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่อินเดียจะรุกส่งออกหนัก

 

“สถานการณ์ปีหน้า ไทยทำงานหนักขึ้นปัจจัยสำคัญสุด คือราคา เพราะเรื่องคุณภาพ ข้าวหอม ข้าวนึ่ง ข้าวขาว คุณภาพไม่ต่างกัน ขึ้นกับไทยต้องดูว่าจะทำราคาอย่างไร และค่าเงินก็มีความสำคัญ  ถ้าบาทอ่อน ก็จะมีขีดความสามารถมากขึ้น ทุก 1 บาท กระทบราคาข้าว 15-16 ดอลลาร์ต่อตัน ขึ้นกับว่าจะอ่อนหรือแข็ง  ฉะนั้นในปีหน้ามาดูว่าเสถียรภาพเงินบาทของเราจะเป็นอย่างไร  หากค่าบาทอ่อนพอจะแข่งขันกับตลาดโลกได้”  ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุ

 

ด้าน วันนิวัต กิติเรียงลาภ รองเลขาธิการ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าปี 2568  คาดว่าอินเดียจะนำส่วนแบ่งตลาดเหล่านี้คืนไป แต่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มข้าวขาว เพราะสถิติส่งออกย้อนหลังของอินเดียตั้งแต่ปี 2565 ส่งออก 22.2 ล้านตัน ปี 2566 ส่งออก 17.8 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มข้าวขาว 

 

แต่อีกปัจจัยหนึ่ง ที่ไทยต้องเผชิญ คือภาวะข้าวไทยปี 2568 จะมีปริมาณข้าวที่เพิ่มขึ้น จากผลผลิตคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 34 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 22 ล้านตันข้าวสาร ดังนั้นเมื่อแบ่งเป็นบริโภคในประเทศ 11 ล้านตันข้าวสารรวมเมล็ดพันธุ์ ก็จะพบว่าปี 2568 ไทยมีปริมาณข้าวมากกว่าความต้องการในประเทศสูงถึง 11 ล้านตัน อันมีมีปัจจัยจากนาปีที่ให้ผลผลิตดี โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่สภาพอากาศดีให้ให้ปริมาณและคุณภาพดีตามไปด้วย รวมถึงปัจจัยน้ำในเขื่อนปริมาณมากทุกเขื่อนมีปริมาณน้ำบรรจุเกินกว่า 80%  จึงคาดว่าผลผลิตนาปรังจะดีตามไปด้วย 

 

ฉะนั้นปริมาณผลผลิตข้าวที่ออกมาเพิ่มขึ้น จะมีผลต่อการกำหนดราคาด้วยเช่นกัน 

 

 สถานการณ์ส่งออกข้าวของไทยในปี 2567-2568 มีทั้งโอกาสและอุปสรรค ผู้ประกอบการและรัฐบาลต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันเพื่อให้ข้าวไทยสามารถรักษาส่วนแบ่ง และกลับมาผงาดขึ้นผู้นำส่งออกข้าวในตลาดโลกได้