เมื่อ : 31 ม.ค. 2568

ทัวร์ผีระบาดหนักภาคอีสาน ผู้เสียหายรวมตัวร้องเรียนเพียบ หลังจ่ายเงินซื้อทัวร์นอกกลับโดนเชิดเงิน

 

เมื่อวันที่ 31 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น ได้มีผู้เสียหายในหลายจังหวัดของภาคอีสาน นำหลักฐานการถูกหลอกซื้อทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศผ่านบริษัททัวร์ชื่อดังซึ่งมีการโปรโมทและทำการตลาดออนไลน์   พบว่ามีการทำคลิปรีวิวว่าหากไม่ผ่านวีซ่า หรือติด ตม. มีการคืนเงินจริง มีเจ้าของบริษัทที่ใช้ชื่อในโซเชียลว่า ”ยายจี”เป็นผู้ร่วมทำคลิปด้วย และพบว่าบริษัทดังกล่าวนั้นมีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วประเทศไทยอีกด้วย โดยตัวแทนผู้เสียหาย ได้เข้าร้องเรียน เนื่องจากบริษัทไม่ทำตามเงื่อนไขการคืนเงิน และประวิงเวลาโดยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินคืนออกไปแบบไม่ตรงตามกำหนด จาก 30 วันเป็น 45 วัน และต่อไปอีกเป็น 60 วัน จนล่าสุด กลายเป็น 120 วัน  

 

นายปัญญา อายุ 38 ปี 16 ม.5 ต.หนองเม็ก อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้นำหลักฐาน   ซึ่งมีทั้งข้อความแชทติดต่อพูดคุยกันก่อนจะตกลงซื้อทัวร์ท่องเที่ยวจำนวน 2 ที่ ราคาโปรโมชั่น 55000 บาท ต่อคน ภาพสลิปการโอนเงินเข้าบัญชีที่เป็นชื่อของบริษัท 2 ครั้งจำนวน 100000 บาท และ จำนวน 10000 บาท คลิปรีวิวของคนอื่นที่เคยซื้อทัวร์ว่าได้รับเงินคืนจริงแม้จะติด ตม.หรือวีซ่าไม่ผ่าน เอกสารตอบกลับว่าไม่ผ่านวีซ่าจำนวน 2 ฉบับ และประกาศจากทางบริษัทว่ายังไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้เนื่องจากมีลูกค้าหลายคน ติด ตม.เกาหลี ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และขอเลื่อนการคืนเงินออกไปก่อนเป็น 30 วัน 45 วัน 60 วัน และ 120 วันตามลำดับ และใบแจ้งความที่ สภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม

 

”ตนเองกับแฟนจะพากันไปเที่ยวต่างประเทศ จึงได้เปิดหาบริษัททัวร์ท่องเที่ยวในโซเชียลมีเดีย กระทั่งพบบริษัทนี้มีการยิงแอด ทำการตลาด มีความน่าเชื่อถือ มีคลิปรีวิวว่าได้เงินคืนแม้วีซ่าไม่ผ่าน หรือติด ตม. ตนเองจึงได้กู้เงินมา 150000 บาท เพื่อทำวีซ่าไปประเทศออสเตรเลีย โดยตั้งใจจะไปเที่ยวออสเตรเลียกับแฟน 2 คน และได้ซื้อโปรโมชั่นท่องเที่ยวของบริษัทดังกล่าว 2 คนรวม 110000 บาท เป็นโปรโมชั่นท่องเที่ยวออสเตรเลีย 55000 บาทต่อคน หากวีซ่าไม่ผ่านมีเงื่อนไขคือคืนเงินให้ 40000 บาท ภายใน 30 วัน ซึ่งตนเองก็ยอมรับในเงื่อนไข โดยทางบริษัทเป็นผู้ทำเนินการให้ทั้งหมด แต่ปรากฎว่าขอวีซ่าไม่ผ่านทั้ง 2 คน และเงินก็ยังไม่ได้คืนและตอนนี้ก็เกิน 30 วันแล้ว และตนเองได้สอบถามไปยังบริษัทว่าจะสามารถคืนเงินได้เมื่อไหร่ ซึ่งทางบริษัทตอบกลับมาว่าจะคืนได้สิ้นเดือนนี้ แต่ก็ยังมีการเลื่อนออกไปอีกเป็น 45 วัน”นายปัญญา กล่าว

 

นายปัญญา กล่าวว่า ในวันที่ไปทำวีซ่านั้น มีคนของบริษัทเป็นคนพาไปทำ แต่พอวีซ่าไม่ผ่านทางบริษัทไม่ยอมคืนเงินให้ และอ้างว่ามีคนติด ตม.เกาหลีเยอะซึ่งตนเองก็ได้แย้งไปว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวกับ ตม.เกาหลี พร้อมทั้งให้ทำคลิปรีวิวว่าได้รับเงินแล้วแม้วีซ่าไม่ผ่าน ตนเองก็ได้ทำส่งให้แต่ก็ไม่ได้เงินคืน แต่ทางบริษัทก็ขอเลื่อนออกไปอีก ตอนนี้หลังจากตนเองเริ่มรู้ว่าไม่ได้เงินคืนแน่นอนแล้ว เพราะมีผู้เสียหายเริ่มเยอะขึ้และมีการพูดคุยกันจนได้ตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมา รวมๆแล้วเป็นร้อยกว่าคนทั่วประเทศ และเข้าแจ้งความ ซึ่งหากทางบริษัทยังไม่คืนเงินให้ตนเองกับผู้เสียหายคนอื่นๆก็จะนัดรวมตัวกับเข้าไปแจ้งที่กองปราบในข้อหาฉ้อโกงประชาชน นอกจากนี้ทางบริษัทมีการข่มขู่มาด้วยว่าเราไปทำให้บริษัทเสียหาย ที่ออกมาแจ้งความร้องเรียนเรื่องนี้ ซึ่งแคปภาพไว้หมดแล้วจะดำเนินคดีกับเราอีกด้วย ฝากถึงคนที่คิดจะไปท่องเที่ยวขอให้ตรวจสอบบริษัทให้ดี และอย่าหลงเชื่อบริษัทนี้ซึ่งเป็นการหลอกลวงประชาชนมีคนตกเป็นเหยื่อแล้วหลายราย


ด้าน นางจิตสุดา  อายุ 50 ปี อยู่บ้าน ม.10 ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จ.สกลนคร กล่าวว่า   ตนเองและแฟนมีความตั้งใจว่าจะพากันไปท่องเที่ยว จึงพากันหาบริษัททัวร์ที่จะร่วมเดินทางไปและก็พบบริษัทดังกล่าวมีการโฆษณาอยู่บนโซเชียลมีเดียต่างๆ จึงมีการปรึกษากันกับแฟนว่าจะเอาบริษัทไหนดีกระทั่งเจอบริษัทดังกล่าวเพราะมีหลายสาขาทั่วประเทศ และมีโปรโมชั่นให้เลือกหลายประเทศ รวมทั้งข้อเสนอหลายอย่างทั้งเรื่องของการติดตม.คืนให้ทุกบาท หรือไม่ผ่านวีซ่าก็จะมีการคืนเงิน และทำวีซ่าให้ฟรี ก่อนจะตัดสินใจซื้อโปรท่องเที่ยวกับบริษัทนี้ และได้บริษัทสาขาอุดรธานี ก่อนจะเลือกโปรโมชั่นไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ ราคาโปรโมชั่นคนละ 37000 บาท โดยมีเงื่อนไขพิเศษดึงดูดใจให้ด้วยว่า ถ้าติด ตม.คืนเงินให้ทุกบาท  ซึ่งการไปเกาหลีนั้นจะต้องทำ KETA คือการคัดกรองคนเพื่อเข้าประเทศ ซึ่งทางบริษัทดังกล่าวได้ทำการลงทะเบียนให้โดยจะแจ้งผลผ่านทางอีเมล พอผ่านเรียบร้อยก็ส่งมาให้เรา และให้มีการพูดคุยกันจนมั่นใจในความน่าเชื่อถือ ก่อนจะนัดวันบินในวันที่ 8 พ.ย.2568 โดยสายการบิน T-Way 101

 

ทั้งนี้ก่อนวันขึ้นบินนั้น ได้มีการไปพักที่โรงแรมใกล้กับบริษัท โดยมีลูกทัวร์คนอื่นๆรวม 25 คนพักอยู่โรงแรมเดียวกัน ซึ่งทางบริษัทจองให้ แถวย่านรัชดา กรุงเทพฯ ซึ่งวันที่ไปพักนั้น ทางบริษัทได้มีการอบรมกับลูกทัวร์ทุกคน แนะนำการเดินทางเมื่อไปถึง ตม.เกาหลี โดยให้ทุกคนปิดโทรศัพท์ ห้ามบันทึกภาพหรือวีดีโอ โดยทุกคนก็ทำตาม และทางบริษัทบอกให้แจ้ง ตม.ว่ามากับทัวร์ของบริษัทอีกชื่อหนึ่งไม่ใช่ชื่อบริษัทที่เราซื้อโปรท่องเที่ยว พร้อมกับให้บอก ตม.ว่าซื้อโปรมาราคา 25000 บาท โดยให้เหตุผลว่าทุกครั้งที่เราพาบินจะไม่ให้ใช้ชื่อบริษัทเดิม ซึ่งทุกคนก็รับแบบงง งง วันต่อมาเมื่อทุกคนออกเดินทางนั่งเครื่องบินไปลงสนามบินที่ประเทศเกาหลี ก็เข้าไปตามระบบ ก่อนจะเข้าห้อง ตม.เกาหลี จึงตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตม.ตามที่ บริษัทแนะนำ หลังจากตอบคำถาม ตม.เสร็จ ทางตม.เกาหลีแจ้งว่า บริษัทที่คุณมาไม่มีในรายชื่อบริษัทที่น่าเชื่อถือ จึงไม่สามารถให้เข้าประเทศเกาหลีได้   โดยทั้ง 25 คนนั้นผ่าน ตม.เกาหลีเพียง 5 คน ที่เหลือ 20 คนคือถูกส่งกลับประเทศไทยทันที”

 

ทั้งนี้ นางจิตสุดา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทยก็ติดต่อไปยังบริษัทว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พร้อมกับขอเงินคืนตามเงื่อนไขที่จะคืนทุกบาท แต่ก็ไม่ได้เงินเหมือนผู้เสียหายคนอื่นๆ เลื่อนวันจ่ายเงินคืนออกไปจนตอนนี้เลื่อนไป 120 วันแล้ว อ้างว่าติดปัญหาคนติด ตม.เกาหลีเยอะ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจทันที กระทั่งได้เจอกับผู้เสียหายคนอื่นๆรวมๆแล้วเป็นร้อยคนทั่วประเทศ จึงพากันออกมาร้องเรียนกับทาง สคบ.ให้ช่วยเหลือเอาเงินคืนดังกล่าว และทางบริษัทยังจะให้เราทำคลิปรีวิวว่าได้เงินคืนด้วย ซึ่งตนเองไม่ยอมทำเพราะเราไม่ได้เงินคืนจริงและมีความน่าสงสัยผิดปกติ จนตอนนี้มั่นใจว่าถูกหลอก