บุกรวบลูกสาว “เจ๊เล็ก”อดีตรองนายก ทต.จันดี เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน

ตำรวจไซเบอร์ รวบลูกสาว “เจ๊เล็ก” อดีตรองนายกเทศมนตรีจันดี จ.นครศรีธรรมราช เอี่ยวโยงคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนตั้งฐานในไทย พบเป็นนอมินี ปรากฏชื่อในบริษัทที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้บังหน้า
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมืองทองธานี นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท.รอง ผบช.สอท. และ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รอง ผบก.สอท.3 รรท.ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองคอน รวบลูกสาวอดีตรองนายกเทศมนตรีจันดี ผู้ร่วมขบวนการ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 ตำรวจไซเบอร์ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI ตำรวจสืบสวน ภ.8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ที่ลักลอบตั้งฐานในนครศรีธรรมราชเพื่อหลอกคนไทย ชาวจีน ชาวรัสเชียและชาวญี่ปุ่น โดยครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการชาวจีน 51 ราย และ ชาวไทย 12 ราย พร้อมยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ จำนวน 192 เครื่อง มือถือและซิมผี จำนวน 854 เครื่อง Router กระจายสัญญาณ จำนวน 22 เครื่อง และบัญชีม้า จำนวน 342 เล่ม
จากการขยายผล ตำรวจไซเบอร์พบความเชื่อมโยงว่า ขบวนการดังกล่าวมี นางสาวเรวดี อายุ 51 ปี หรือ เจ๊เล็ก รองนายกเทศมนตรีจันดี(ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มดังกล่าวมาใช้ปฎิบัติการ และรอรับผลประโยชน์จากการให้เช่าอาศัย จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ เจ๊เล็ก และผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง
จากการสืบสวนพบว่า นางสาวอาทิตยา ซึ่งทำหน้าที่ดูแลด้านการเงิน ผู้เป็นบุตรสาวของเจ๊เล็ก ได้หลบหนีพร้อมกับสามีชาวจีน จากพื้นที่ ต.จันดี อ.ฉวางจ.นครศรีธรรมราช โดยได้เช่าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังลงพื้นที่เพื่อติดตามตัวเรื่อยมา กระทั่งวันที่ 6 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 พบนางสาวอาทิตยา ผู้ต้องหาตามหมายจับเดินทางเข้าไปยังบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ติดตามและเข้าควบคุมตัวได้ขณะกำลังลงจากรถบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงคนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมฯ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่าได้มีการพูดคุยกับ นางเรวดี หรือ เจ๊เล็ก ผ่านทาง LINE แต่กลับไม่มีเบอร์โทรติดต่อ เจ๊เล็ก โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมตัว รวมทั้งอยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการรายอื่นที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป